“คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” เป็นวลีที่เราได้ยินกันมานานจนติดหู ซึ่งมันก็ไม่ได้สื่อความหมายอะไรจริงจังมากนัก เป็นเพียงการเหน็บแนมเล็กๆ น้อยๆ เอาพอสนุกเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร กิจกรรมลุ้นหวยรวยเบอร์ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคนส่วนใหญ่ในบ้านเราอยู่เหมือนกัน ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน จะเป็นวันที่ตัวเลขทุกตัวมีความหมาย จากช่วงเช้าถึงเที่ยง หลายคนคลุกอยู่กับตัวเลขอย่างเอาเป็นเอาตาย หวังว่าจะเจอเลขเด็ดที่จะทำให้ได้รับทรัพย์ก้อนโตในช่วงบ่ายๆ พอถึงเวลาหวยออก ลองสังเกตดูได้ว่าบรรยากาศตามตลาดร้านรวงต่างๆ จะเงียบผิดปกติ เพราะทุกคนไปลุ้นหวยกันอยู่ ถ้าไม่ถูกก็จะเงียบต่อไปจนหมดวัน แต่ถ้าเกิดถูกขึ้นมาก็ต้องมีงานฉลองเกิดขึ้น
เรื่องเล่นหวยอาจจะดูไร้สาระ และไม่มีประโยชน์สำหรับใครหลายๆคน เพราะมองว่าเอาเงินที่เล่นหวยนั้นไปลงทุนทำมาหากินซะยังจะดีกว่า แต่ก็อยากให้ลองมองอีกมุมหนึ่งดูบ้าง ในช่วง 3-4 วันก่อนหวยออก จะเป็นวันที่กลุ่มเพื่อน กลุ่มญาติพี่น้อง ยกเรื่องหวยมาเป็นประเด็นพูดคุยกันได้ พอพ้นไปจากวันหวยออกอีกเป็นอาทิตย์ ก็ยังยกเรื่องตัวเลขในงวดที่ผ่านมาขึ้นมาเล่าสู่กันฟังได้อีก ทั้งเรื่องที่ฝันแล้วตีไม่ถูก เรื่องที่ตั้งใจจะซื้อแต่ไม่ซื้อ เฉียดไปเฉียดมา เรื่องพวกนี้นั่งล้อมวงคุยกันได้เป็นวันๆ มันเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันและยังเป็นการสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องทำงานแล้วอีกด้วย หากใครไม่เคยต้องอยู่ว่างๆ ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีทางเข้าใจว่าการอยู่บ้านเฉยๆ มันก็น่าเบื่อมากขนาดไหน
เมื่อพูดถึงการเล่น หวย สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสลากที่ต่อยอดมาจากการเล่นหวยสมัยก่อน โดยทำให้ถูกกฎหมายและเป็นระเบียบมากขึ้น แล้วก็ไม่ใช่แค่การออกสลากมาเพื่อขายไปเรื่อยๆเท่านั้น ตัวสลากกินแบ่งรัฐบาลยังมีการพัฒนามาตลอด เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย และช่วยให้ผู้ที่ซื้อสลากได้ประโยชน์มากขึ้น อย่างเช่น เริ่มแรกสลากไม่ได้มีหน้าตาสวยงามมากนัก ก็ค่อยๆออกแบบให้ดูทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น ต่อมาก็มีการปรับขนาดของสลากให้กะทัดรัด เพื่อประหยัดทรัพยากรให้การผลิตตัวสลาก พร้อมกับช่วยให้ผู้ซื้อพกพาได้สะดวก หรือจะเป็นการเพิ่มวิธีการถูกรางวัล เพื่อให้ได้ลุ้นกันมากขึ้น เป็นต้น
ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ “หวย” ในลักษณะที่เราเรียกกันว่าหวยใต้ดินจะเป็นกลายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย แต่เราก็รู้จักหวยมาก่อนสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายปีนัก เริ่มแรกเรารับรู้วิธีการเล่นหวยมาจากการพนันของชาวจีน ซึ่งเข้ามาค้าขายในบ้านเราตอนสมัยรัชกาลที่ 3 เข้าใจว่าเล่นกันแค่วงแคบๆ ในหมู่ชาวจีนเท่านั้น พวกเราก็แค่ได้ยินได้เห็นและอาจได้ร่วมเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้แพร่หลาย จนกระทั่งเกิดวิกฤติในเชิงเศรษฐกิจขึ้น ราคาข้าวพุ่งขึ้นสูงจนผู้คนไม่ยอมใช้เงิน เอาแต่เก็บหอมไว้ด้วยเกรงว่าจะมีไม่พอในอนาคต เมื่อเป็นอย่างนี้กระแสการหมุนเวียนของเงินก็ไม่เกิดขึ้น ระบบค้าขายต่างๆ ก็ย่อมฝืดเคือง ส่งผลต่อเนื่องไปยังระบบอื่นๆ ของสังคมโดยทั่วกัน
ดังนั้นจึงมีการกระตุ้นให้ผู้คนออกมาใช้เงินมากขึ้น ด้วยการออกหวยเป็นครั้งแรก ดัดแปลงแบบมาจากหวยชาวจีนนั่นเอง อย่างแรกสุดเลยคือการเปลี่ยนแปลงภาษา จากภาษาจีนให้เป็นภาษาไทย ในส่วนของรูปแบบการเล่นก็น่าสนใจ มันจะมีลักษณะเป็นแผ่นป้ายที่เขียนอักษร ก ข ค เอาไว้แผ่นละ 1 ตัวอักษร รวมทั้งหมด 36 ตัว แล้วก็มีประกาศเวลาที่หวยออกชัดเจน ใครชอบตัวอักษรตัวไหน อยากลงเงินเท่าไร ก็ไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนเวลาหวยออก ซึ่งในยุคนั้นหวยออกกันทุกวัน ลุ้นกันได้ทุกวัน แถมเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น ก็มีการเพิ่มรอบเป็นรอบเช้ากับรอบค่ำอีกด้วย ถือว่าเป็นช่วงเฟื่องฟูของการเล่นหวยเลย แต่พอถึงรัชกาลต่อมา การเล่นหวยแบบนี้ก็ถูกยกเลิกไป เพราะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ทั้งความเป็นอยู่ของผู้คนและสภาพเศรษฐกิจ
ต่อมาในช่วงรัชกาลที่ 5 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอีกหลายส่วน เริ่มมีการเปิดประเทศมากขึ้น คนที่เข้ามาค้าขายหรือทำธุรกิจการค้าไม่ใช่แค่ชาวจีนอีกต่อไป มีฝรั่งมังค่าจากนานาประเทศเข้ามาจำนวนไม่น้อย เราจึงรับวัฒนธรรมหลายๆอย่างเข้ามาด้วย และในยุคนี้นี่เองที่มีการออกล็อตเตอรี่เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการออกล็อตเตอรี่ตามสไตล์ยุโรป จุดประสงค์หลักเพื่อนำเงินรายได้ไปใช้ประโยชน์ต่อประเทศนั่นเอง แล้วจากจุดนี้ก็ต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน
ในมุมมองของคนทั่วไป อาจเห็นสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นแค่เครื่องมือเสี่ยงโชค ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรนัก นอกจากมอมเมาชาวบ้านไปเรื่อยๆ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะคนที่มาเล่นหวยในรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาล อย่างน้อยๆก็ได้ความสนุกสนาน ได้ทำกิจกรรมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ช่วยให้คนที่มาขายเกิดรายได้ สร้างอาชีพ สำหรับคนต่างจังหวัดที่ยึดอาชีพทำไร่ทำนาเป็นหลัก เมื่อว่างเว้นจากฤดูเก็บเกี่ยวก็สามารถมาขายล็อตเตอรี่เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทาง ในส่วนของเงินที่เข้าสู่กองกลางนั้น ก็จะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาสังคมต่อไปด้วย โดยจะมีผู้บริหารจัดการเป็นฝ่ายรัฐบาลและผู้ที่ดูแลเงินแผ่นดิน
ทั้งรูปแบบการถูกรางวัลและมูลค่าของเงินรางวัล ได้มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัยและความเหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้ความนิยมในสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่ในระดับที่สูงอยู่เสมอ ยิ่งสลากมีการซื้อขายมากเท่าไร นั่นก็หมายความว่าเราจะมีรายได้กลับคืนสู่งานแผ่นดินมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ก็ย้อนกลับมาที่เราเอง
รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 6,000,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
รางวัลที่ 2 มูลค่าเงินรางวัล 200,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
รางวัลที่ 3 มูลค่าเงินรางวัล 80,000 บาท จำนวน 10 รางวัล
รางวัลที่ 4 มูลค่าเงินรางวัล 40,000 บาท จำนวน 50 รางวัล
รางวัลที่ 5 มูลค่าเงินรางวัล 20,000 บาท จำนวน 100 รางวัล
เลขหน้า 3 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 4,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 3 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 4,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 2 ตัว มูลค่าเงินรางวัล 2,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
จะเห็นว่าจากแบบเดิมที่ผู้ซื้อมีโอกาสได้ลุ้นแค่เลขตัวหลังเท่านั้น ตอนนี้ก็สามารถลุ้นตัวหน้าได้ด้วย จึงรู้สึกคุ้มค่าที่จะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนที่พัฒนาได้ดีก็ดีไป แต่ในส่วนที่เป็นปัญหาก็ยังแก้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนกัน นั่นก็คือเรื่องของราคาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล แม้ว่าจะมีราคาระบุเอาไว้บนตัวสลากชัดเจน แต่ก็ยังมีการซื้อขายเกินราคาอยู่ในทุกพื้นที่ บ้างก็ด้วยเหตุผลที่มันเป็นเลขชุด บ้างก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นตัวเลขหายากและคนตามหาซื้อกันมาก บ้างก็ว่าเป็นเลขเด็ดที่ค่อนข้างดังในงวดนั้นๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ถ้าผู้ซื้อถูกรางวัลก็ไม่ได้ทำให้มูลค่ารางวัลเพิ่มมากไปกว่าการซื้อสลากที่ราคาปกติ และการซื้อสลากแพงขึ้นก็ไม่ได้การันตีว่าจะมีโอกาสถูกมากขึ้นด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหานี้จะแก้ไขได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่ แต่ส่วนหนึ่งก็คงต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ซื้อเองด้วย หากร่วมใจกันไม่ยอมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาแพงกว่าปกติ คนที่ขายก็ขายไม่ได้และจำเป็นต้องกลับมาขายที่ราคาเดิมอยู่ดี